บทที่ 9 ตอนที่ 9
“ไปเถอะ แล้วอย่าลืมพามาแนะนำให้ฉันรู้จักบ้างล่ะ”
ยาหยีถอนใจออกมาด้วยความเครียด พยักหน้ารับส่งๆ ออกไป
“อืม...ฉันอาจจะกลับค่ำสักหน่อย แต่รับรองไม่เกินสี่ทุ่มเวลาที่หอปิดแน่นอน”
“ไม่ต้องรีบกลับก็ได้แม่คุณ บางทีกิ๊กของเธออาจจะอยากให้เธออยู่ถึงเช้าก็ได้ ว่าแต่มาเรียนให้ไหวก็แล้วกันนะ”
ลินดายิ้มกว้าง จ้องหน้ายาหยีด้วยสายตาล้อเลียน ก่อนที่แม่คุณจะเดินฮัมเพลงขึ้นบันไดหอพักไป ยาหยีเป่าลมออกจากปากหนักๆ ขณะคลี่กระดาษที่ตัวเองขยำจนยับยู่ยี่ออกมาอ่านอีกครั้ง สมองหวาดหวั่นต่อความปลอดภัยของบิดาเหลือเกิน
“พ่ออย่าพึ่งเป็นอะไรไปนะคะ ลูกหยีกำลังจะไปช่วยพ่อ”
สาวน้อยรีบจ้ำอ้าวออกไปยังหน้าหอพัก กวาดตามองหารถสีดำที่ตัวเองท่องจำทะเบียนรถมาในสมองจนขึ้นใจ และเพียงเดินพ้นออกมาจากหน้ามหาวิทยาลัย สายตาของหล่อนก็ปะทะเข้ากับรถสีดำคันยาวเฟื้อยคันหนึ่งที่จอดนิ่งอยู่ด้านซ้ายมือ สาวน้อยรีบขยับเดินเข้าไปหยุดใกล้ๆ แล้วก็ต้องยกมือขึ้นปิดปากเมื่อเห็นทะเบียนของเจ้ารถคันยาวตรงหน้าถนัดถนี่
‘ตร 9999 ทะเบียนรถสวยๆ แบบนี้คงไม่มีทางซ้ำกันแน่’
ยาหยียืนนิ่งงัน ตัวแข็ง เท้าตาย จ้องมองประตูรถที่ถูกเปิดออกด้วยสายตาตื่นตระหนก ผู้ชายที่นั่งหน้าคู่กับคนขับก้าวลงมาจากรถและเดินตรงเข้ามาหาหล่อน
“เชิญครับ คุณยาหยี โรจน์มหามงคล”
“จะพาฉันไปไหนคะ”
คำพูดของหล่อนคงตลกมาก ผู้ชายในชุดสูทสีดำทะมึนตรงหน้าถึงได้ระบายยิ้มออกมา
“ขึ้นรถเถอะครับ นายน้อยรอคุณอยู่”
“นายน้อย?” สาวน้อยทวนคำพูดของคู่สนทนาด้วยความประหลาดใจ
“คุณจะได้คำตอบทุกอย่าง ถ้าคุณได้พบกับนายน้อย เชิญครับ”
ผู้ชายตรงหน้าของหล่อนผายมือเชื้อเชิญอีกครั้ง ก่อนจะเดินนำไปที่รถคันงาม ผู้ชายคนนั้นก้มศีรษะคล้ายกับแสดงความเคารพเล็กน้อย ก่อนจะเปิดประตูในส่วนของห้องผู้โดยสารออก และหันมาหาหล่อน
“ขึ้นรถเถอะครับ”
ยาหยีไม่มีทางเลือกใดๆ อีก หล่อนจำเป็นต้องเสี่ยง ทั้งๆ ที่ยังไม่รู้เรื่องราวใดๆ แน่ชัดนัก แต่ชื่อของบิดาทำให้หล่อนหมดทางเลือก
เมื่อก้าวขึ้นมานั่งบนรถคันงามหรูหรา หญิงสาวจึงได้รู้ว่าไม่ได้มีแค่หล่อนคนเดียวในห้องโดยสารนี้ ผู้ชายคนหนึ่งนั่งเอนกายพิงกับเบาะรถด้วยท่าทางผ่อนคลาย ความมืดสลัวที่เกิดจากดวงอาทิตย์ลับขอบฟ้าและฟิล์มสีดำสนิททำให้หล่อนมองหน้าผู้ชายที่นั่งอยู่ข้างกายไม่ถนัดนัก
แต่...กลิ่นหอมจางๆ จากร่างกายของคนนั่งใกล้ๆ กลับทำให้สมองของหล่อนนึกย้อนกลับไปถึงเหตุการณ์เมื่อตอนเช้าที่ผ่านมา หล่อนก็ได้กลิ่นหอมอ่อนๆ แบบนี้จากตัวของผู้ชายนัยน์ตาสีเขียวจัดคนนั้นเช่นกัน หล่อนจำกลิ่นนี้ได้ดีทีเดียว เพราะมันไม่ใช่กลิ่นหอมธรรมดา แต่มันเป็นกลิ่นกายของนักล่าผู้เก่งฉกาจ นักล่าที่เตรียมพร้อมจะขย้ำเหยื่อผู้น่าสงสาร นักล่าที่แสนอันตรายยิ่งสำหรับหัวใจของสตรี
“คุณคือผู้ชายเมื่อเช้าใช่ไหมคะ” แม้จะพยายามบังคับเสียงให้ราบเรียบยังไง แต่มันก็ยังสั่นไหวจนอดสมเพชตัวเองไม่ได้
“เก่งนี่ ที่จำผมได้” อยู่ๆ ไฟก็สว่างไสวขึ้นมาในพริบตา และสิ่งที่เห็นตรงหน้าก็ตอกย้ำความคิดของหล่อนได้เป็นอย่างดี
‘ใช่...ผู้ชายตาดุคนนั้นจริงๆ ด้วย’
“คุณ...”
ริมฝีปากสุดเซ็กซี่ของผู้ชายที่นั่งอยู่ข้างๆ คลี่ออกน้อยๆ ดวงตาสีเขียวจัดจับจ้องมาที่ใบหน้าของหล่อนเขม็ง
“ยินดีที่ได้พบกันอีกครั้ง ยาหยี โรจน์มหามงคล”
เขาเรียกหล่อนเต็มยศเลยทีเดียว จำได้ว่าเมื่อเช้าที่พบกันเขาก็เรียกหล่อนแบบนี้ นี่เขารู้จักหล่อนได้ยังไงกันนะ หรือว่าผู้ชายคนนี้คือเจ้าของจดหมายข่มขู่ฉบับนั้น ความคิดนี้ทำให้หญิงสาวขยับถอยห่างจนแทบจะหลุดเข้าไปอยู่ในร่องประตู
“คุณเป็นเจ้าของจดหมายนั้นใช่ไหมคะ”
คอร์เนลเหยียดยิ้มหยัน
“ถูกต้อง ผมเป็นคนสั่งให้ลูกน้องเขียนมันขึ้นมาเอง และคุณก็ใจกล้าพอที่จะก้าวขึ้นมาบนรถกับผม”
ลำคอสาวแห้งผากเมื่อได้สบกับดวงตาเหี้ยมเกรียมของบุรุษสุดหล่อข้างกาย ความหวาดหวั่นเต้นเร่าอยู่ในกระแสเลือด แม้เขาจะหล่อ แม้เขาจะมีอำนาจอย่างรุนแรงต่อร่างกายและหัวใจของหล่อน แต่เขาก็ได้ชื่อว่าเป็นคนไม่ดี...คนที่กำลังจะทำร้ายพ่อของหล่อน
“พ่อฉัน...พ่อของฉันอยู่ไหน”
ยาหยีกัดปากแน่น ไม่ชอบเสียงหัวเราะของเขาเลยให้ตายสิ มันน่ากลัวจนหล่อนแทบเป็นลม มือบางที่กุมกันไว้เย็นเฉียบ เหงื่อเม็ดเล็กๆ ผุดขึ้นตามไรผม
“เราจะคุยกันเมื่อถึงบ้านของผม...ซึ่งก็อีกไม่ไกล”
และทุกอย่างก็เงียบกริบลง ยาหยีกัดปากแน่นเพื่อข่มความหวาดกลัวในอกเอาไว้สุดกำลัง ผู้ชายหน้าตาดีคนนี้น่ะเหรอที่พ่อของหล่อนหวาดกลัว สาวน้อยถอนใจออกมา ความเครียดบีบเกร็งอยู่ภายในจนสมองแทบจะระเบิดออกมา
ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าตอนนี้หล่อนกำลังตกอยู่ในเงื้อมมือของมัจจุราชที่หล่อที่สุดในสามโลก หญิงสาวคร่ำครวญอยู่ในอกด้วยความทุกข์ใจ สมองไม่สั่งการอีกเลยจนกระทั่งรถคันงามที่นั่งอยู่จอดสนิทลงนั่นแหละ หล่อนถึงรู้สึกตัว
ประตูฝั่งของหล่อนถูกเปิดออกจากด้านนอก ผู้ชายคนเดิมที่ลงไปคุยกับหล่อนที่หน้ามหาวิทยาลัยกล่าวเชื้อเชิญด้วยท่าทางสุภาพ
“เชิญครับ”
แม้จะหวาดกลัวผู้ชายสุดหล่อที่นั่งข้างๆ ยิ่งนัก แต่ไม่รู้ว่าเป็นเพราะเหตุอันใดหล่อนถึงห้ามสายตาของตัวเองไม่ให้หันไปมองพ่อคนร่างยักษ์ไม่ได้เลย แล้วแก้มก็ต้องแดงก่ำเมื่อพบว่าเขากำลังจ้องมองมาที่หล่อนเช่นกัน และด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความหิวกระหายที่เจ้าตัวปกปิดเอาไว้ไม่ทันอีกต่างหาก
ยาหยีตัวสั่นเทามากกว่าเดิมหลายร้อยเท่า รีบลนลานก้าวลงจากรถอย่างรวดเร็ว แล้วก็ต้องอ้าปากค้างเป็นรอบที่สองเมื่อได้เห็นสิ่งก่อสร้างเบื้องหน้า
‘คฤหาสน์...ไม่...มันน่าจะเป็นวังของพวกเจ้าชายมากกว่า สวยงาม หรูหรา และใหญ่โต บ่งบอกฐานะของเจ้าของได้เป็นอย่างดี...ตำแหน่งอภิมหาเศรษฐี’
